โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หรือ ที่ใครๆนิยมเรียกว่า โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหนึ่งเดียวในอำเภอเมืองจันทบุรี ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ (เดิมเป็นโรงเรียนสอนศาสนา) มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค ยอดหลังคาเเหลมสูง ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่างๆ ที่มีความสวยงามมาก ด้านหน้าโบสถ์เป็นรูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบเปี่ยมประกายเมตตา ด้านในอาคารที่เป็นโถงโล่ง ตกแต่งด้วยโทนสีชมพู มีทางเดินเป็นชั้นลอยอยู่ทั้งสองข้าง มีช่องแสงจากหน้าต่างกระจกสี ยามแสงแดดส่องจะรู้สึกเหมือนดั้งต้องมนต์สะกดและหากใครเข้าไปในโบสถ์ช่วงที่กำลังสวดทำพิธีก็จะพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธา วัดคาทอลิกแห่งนี้นับเป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ และมีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 - 07.00 น. และ 8.30 - 17.00 น. (พักเที่ยง)
ชุมชนริมน้ำจันทบูร ชุมชนเก่าแก่ใจกลางเมืองจันทบุรี ตั้งแต่ช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาวจีน และญวน ได้เริ่มเดินทางมาทำการค้ากันอย่างไม่ขาดสาย และส่วนหนึ่งก็ได้อพยพมาตั้งรกรากกันที่นี่ ทำให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายของทั้งเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม ถึงแม้วันเวลาจะผ่านมากว่า 300 ปี ชุมชนนี้ก็ไม่ได้ถูกลืม หรือเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่กลับถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง และยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มากไปด้วยเสน่ห์ มีเรื่องราว และวิถีชีวิตในอดีตที่นักท่องเที่ยวต่างสนใจ และอยากลองมาสัมผัสกันสักครั้ง
เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองจันท์ บ่งบอกถึงความผูกพันของชาวเมืองนี้ที่มีต่อพระเจ้าตาก โดยมีคำกล่าวว่า ถ้าไม่ได้มาสักการะพระเจ้าตาก ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองจันท์ ประวัติ : ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เดิมเป็นศาลไม้อยู่ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ต่อมาในปี 2463 สมัย ม.จ. สฤษดิเดชชยางกูร เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี ได้สร้างศาลขึ้นใม่บรเวณด้านหน้าค่าย ทหารกองพันนาวิกโยธิน คนละฝั่งถนนกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง โดยอาศัยอาคารเป็นศาลาคอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรมุตข มีบันไดด้านหน้าและด้านข้างรวม 3 ด้าน กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ ภายในเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำพระองค์พระเจ้าตาก ขณะนั้นยังไม่มีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ประดิษฐานเช่นปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2534 ชาวจันทบุรีได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ขึ้นใม่อีกหลัง เป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยมคู่ กับศาลเดิม ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลา เป็นที่ประดิษฐานพระบรทรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งหล่อด้วยทองเหลืองรมดำผนังภายในเขียนลายพุ่มข้าวบิณฑ์ไว้อย่างสวยงาม ชาวจันทบุรีถือว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทำให้จันทบุรีเป็นที่รู้จัก และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การกอบกู้เอกราชคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ในฐานะเป็นฐานที่มั่นของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ในระหว่างการรวบรวมพลรวมถึงเสบียงอาหาร และสถาปนาอำนาจขึ้นใหม่ กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2310 ขณะที่พม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ สมเด็จพระเจ้าตากสินหรือพระยาวชิรปราการ (สิน) ในขณะนั้น เล็งเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาต้องแตกพ่ายและตกเป็นของพม่าแน่นอน จึงรวบรวมพลทหารไทย จีน ได้ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าทางทิศตะวันออก โดยต่อสู้กับข้าศึกในระหว่างทางและได้ชัยชนะ สามารถรวบรวมไพร่พลได้มากขึ้น พระยาวชิรปราการเห็นว่าจันทบุรีมีชัยภูมิที่เหมาะสมในทางยุทธศาสตร์ เป็นหัวเมืองชายทะเลที่ปลอดจากสงคราม ทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ด้านพืชพันธัญญาหาร รวมทั้งยังเป็นชุมชนชาวจีนแต้จิ๋ว พระยาวชิรปราการมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋วและเคยเป็นพ่อค้ามาก่อน จึงมุ่งหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากชาวจีนเหล่านี้ ดังนั้นจึงใช้เมืองจันท์เห็นที่มั่น และรวบรวมหัวเทืองชายฝั่งทะเลตะวันออกได้ทั้งหมด สามารถต่อเรือรบได้ 100 ลำ มีผู้สวามิภักดิ์มากขึ้นถึง 5,000 คน แล้วกลับไปตีทัพพม่า ขับไล่ออกไปจาก