ปัญหารอยแดงรอยดำสิว รักษายังไงให้หาย

รอยแดงสิว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Postinflammatory erythema (PIE) ค่ะ คือภาวะที่มีรอยจุดสีชมพูถึงแดง ตามหลังการเกิดสิว ซึ่งมักจะพบในคนที่ผิวค่อนข้างขาวหรือคนที่ผิวบาง สาเหตุเกิดจากที่เวลาเรามีสิวอักเสบจะมีเส้นเลือดฝอยคั่งบริเวณจุดอักเสบมากและพอสิวอักเสบหายแล้วก็ยังเหลือการอักเสบ บวม การขยายตัวของเส้นเลือดฝอยอยู่ จึงทำให้เห็นเป็นสีของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังนั่นเองค่ะ

รอยดำสิว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Postinflammatory Hyperpigmentation (PIH) ค่ะ คือ ภาวะที่มีรอยจุดสีน้ำตาลถึงสีดำ ตามหลังการเกิดสิว จะพบง่ายในคนสีผิวค่อนไปทางเข้มมากกว่าเพราะแนวโน้มผิวมีการผลิตเม็ดสีง่ายกว่าค่ะ และจุดที่สัมผัสแสงแดดจะทิ้งรอยคล้ำมากกว่าไม่โดนแดดค่ะ (หมอจึงมักบอกคนไข้ประจำว่าการทาครีมกันแดดสำคัญมาก) การเกิดรอยดำ จะเกิดในกรณีเป็นสิวอักเสบหรือจากการแกะสิวค่ะ สาเหตุเกิดจากการอักเสบไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) มีการผลิตเม็ดสี (melanin) ออกมาที่ชั้นผิวหนังมากขึ้นค่ะ

รอยแดงสิว​
โดยปกติถ้าเราไม่ได้รักษา​ รอยจะค่อยๆจางลงเองภายใน 2-6 เดือน แต่ถ้ารักษา​ก็จะทำให้รอยแดงจางลงเร็วขึ้นนะคะ ซึ่งการรักษา​ก็จะมีหลายวิธี หมอแนะนำว่าถ้าอยากจางเร็ว สามารถ​ใช้หลายวิธีร่วมกันได้ค่ะ

ใช้ยาทา ที่มีส่วนผสมของ Vitamin​ C , Niacinamide​(หรือ vitamin b3) จะมีส่วนช่วยให้รอยแดงค่อยๆจางลงได้ค่ะ
การใช้เครื่องมือที่ปล่อยพลังงาน เพื่อไปโฟกัสเจาะจงเส้นเลือดฝอย ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดฝอยน้อยลง จึงจะช่วย 2 เรื่องคือ ทำให้ช่วงที่เป็นสิวอักเสบจะแห้งเร็วจึงลดโอกาสการเกิดรอยแดง และ ถ้าสิวอักเสบหายแล้วรอยแดงจากสิวจะจางลงได้เร็วขึ้นได้ถึง 2-3 เท่าเลยค่ะ เทียบกับไม่ได้ใช้พลังงานแสง ซึ่งพลังงานแสงที่หมอกล่าวถึง มีหลายแบบค่ะ ได้แก่เลเซอร์ , Low Level Laser Therapy(ฉายแสง) , IPL

รอยดำสิว
โดยปกติถ้าไม่ได้รักษารอยดำจากสิวจะค่อยๆ จางเช่นกันค่ะ แต่ต้องใช้เวลา ถ้าต้องการให้จางเร็วขึ้นมีแนวทางสำหรับการรักษาหลากหลายค่ะ ได้แก่

การทาครีมกันแดดอย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้รอยดำเกิดมาก
ใช้ยาทา กลุ่ม Hydroquinone, azeleic acid, kojic, licorice, Niacinamide, Vit c
Chemical peel โดยใช้ AHA 20-70%, Salicylic acid(BHA) 20-30%, TCA หรือJessner peel
เครื่องมือหรือพลังงาน เช่น เลเซอร์